- พัฒนาการของสตรีนิยม
- สตรีนิยม Feminism
- แนวคิดที่ีให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องเพศ
จำแนกออกเป็น
- เพศธรรมชาติ (sex)
- เพศที่ติดตัวมาแต่กำเนิด
- เพศสภาวะ (GenderX
- เพศที่สังคมประกอบสร้าง
- กลายมาเป็นตัวแปรสำคัญที่มี
2 เงื่อนไข
- สังคม
- วัฒนธรรม
- การครอบครองอำนาจ Power ของผู้ชาย
- ชายเป็นใหญ่
- อิสระภาพ
- การจำกัดพื้นที่ของ หญิง
- เทคโนโลยีที่ผลิตขึ้น เช่น รถ
เครื่องซักผ้า ฯลฯ เพื่อรับใช้ ชาย
- หลัง ศต.20 มีการรวมกันของ "ขบวนการสิทธิสตรี (Women movement)
- ภาคปฏิบัติ
- การศึกษาอย่างจริงจังเกี่ยวกับความจริงทางสังคม
- เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเพศ
- ความสัมพันธ์เกี่ยวกับตัวแปรเชิงวัฒนธรรม
อื่นๆ
- ชาติพันธ์
- ศาสนา
- อายุ
- ชนชั้น
- อาชีพ
- ฯลฯ
- การสื่อสาร
- ความสนใจของ สตรีนิยม
- 1.มุมมองด้านเพศภาวะ (Gender
lens)
- กรณีการใช้เวลาว่าง
- มาร์กซิสมองว่า
เวลาว่างเป็นผลผลิตของระบบทุนนิยม สร้างขึ้นมาเพื่อ
"ครอบงำและขูดรีด" ชนชั้นแรงงาน
- สตรีนิยม
ขยายมุมมองออกไปอีกว่า ในระบบทุนฯ มีการขูดรีด แต่ในขณะที่เวลาว่างของชาย
ย่อมมีมากกว่า หญิง
- 2.การเมืองของการนสร้างความรู้
(Politics of Knowledge)
- แนวคิดที่สอดคล้องกับ
ฟูโกต์ ที่ว่า "ความรู้ไม่ใช่ข้อเท็จจริง หรือ สัจจธรรม
ที่เป็นประโยชน์ สำหรับมนุษย์ แต่ความรู้เกิดจากกลวิธี อำนาจทางสังคม
- นำมาสู่คำถามที่ว่า "
ความรู้ต่างๆ ถูกสถาปนาโดยใคร เป็นอำนาจของใคร
- "ความรู้ เป็น
ผลผลิตทาง เพศ ใช่หรือไม่
- 3.การสร้างความรู้แลลสหวิทยาการ
(Interdidciplinary)
- ความรู้ และ โลก ส่วนใหญ่
ถูกสถาปนาขึ้น จากอำนาจของ เพศชาย
- ความรู้
ถูกผสานเข้ากับหลายสำนัก
- วรรณกรรม
- การสื่อสาร
- วิทยาศาสตร์
- สิ่งแวดล้อม
- การเมือง
- การปกครอง
- ศาสนา
ฯลฯ
- 4.สนใจค้นคว้าตัวแปรใหม่ๆ
- ตัวแปรในที่นี้เข้ามีส่วนสัมพันธ์กับเพศสภาวะ(Gender)
- ความรื่นรมย์
(pleasure)
- เพศวิถี
(Sexuslity)
- เวลาว่าง
- ร่างกาย
- ส่วนตัว
/ สาธารณะ(private / Public
- พื้นที่
- ความบันเทิง
ฯลฯ
- พัฒนาการการต่อสู้ของหญิง
- การต่อสู่ของผู้หญิง ตะวันตก
- ศต.12-16
- ในโลกตะวันตกเรียกว่า
ยุคมืด (Dark Age)
- มีการก่อตัวของชนชั้นกระฎุมพี
- มีการสถาปนาอำนาจของคริสตศาสนา
- เกิดโลกทัศน์
ชายเป็นใหญ่
- หญิงที่ต่อสู้
จะถูกกล่าวหาว่าเป็น แม่มด
- เกิดการล่าแม่มด
(Witch Hunt)
- ทำลายความรู้ของผู้หญิง
- ศต.18
- ระบบทุนนิยมอุตสาหกรรมมีการขยายตัว
- เกิดการแบ่งงานกันทำ
(Division of labour)
- คำอ้างคืิอ
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด
- แต่การควบคุม
/ บริหาร /กำหนดนโยบาย เป็นของ "ผู้ชาย" เป็นส่วนใหญ่
- เกิดลัทธิแม่บ้าน
(House wifisation)
- มีบทบาทในการกำหนดหน้าที่
ระหว่างพื้นที่สาธารณะ กับ พื้นที่ส่วนตัว ที่ชัดเจน
- ชาย ทำหน้าที่หาเลี้ยงครอบครัว
- หญิงเป็นแม่บ้าน
- หญิง
ต้องตกอยู่ภายใต้อาณัติของ "ลัทธิบริโภคนิยม"
- การซื้่อของเข้าบ้าน
- รอลดกระหน่ำ
- เครื่องสำอาง
- การทำจมูก/ทำปาก/ทำหน้า-ตัว
ฯลฯ ต้องมีรูปร่างผอม เป็นต้น
- ยุคกลาง ศต.20 - ปัจจุบัน
- การล่มสลายของโซเวียตในปี
1956 ทำให้ 1960 เป็นการต่อสู่ของ หญิง ตะวันตกยุคใหม่
- การเคลื่อนไหวทางสังคม
โดยการเรียกร้องสิทธิ
- เรียกร้องความเสมอภาค
- เกิดการศึกษาในมิติที่ว่า
"หญิง" มิใช่วัตถุ แต่เป็นผู้ที่มีอำนาจ และ สร้างความรู้
เหมือนกัน
- เกิดแนวคิด
สตรีนิยม (Feminism) ที่ึศึกษาเกี่ยวกับ
ผู้หญิง และ เพศภาวะ
- เรื่องส่วนตัว
/ เรื่องครอบครัว / ร่างกาย / เป็นเรื่องการเมืองชนิดหนึ่ง
- 1970
- กระแสสตรีนิยม
เริ่มไหลเข้าสู่โลกของสื่อสารมวลชน
- 1978
- เกิดการรวมตัวกันของกลุ่มนักวิชาการสตรี
- 1980
- การศึกษาเกี่ยวกับ
สตรีนิยม ไปสู่การวิเคราะห์ประเด็นใหม่ๆ
- ปัจจุบัน
- มีการผสานข้ามศาสตร์
และเกิดสาขาความรู้ ที่เรียกว่า Interdiscipinary
- จากสตรีนิยม
- สู่เพศสภาวะ
- ขยายประเด็นทางชีวะภาพ
- สู่การศึกษาที่หลากหลาย
- ความเป็นชาย
- ความเป็นหญิง
- ความเป็นรักร่วมเพศ
- ทฤษฎีว่าด้วยรักร่วมเพศ
- ฯลฯ
- การต่อสู่ของผู้หญิงในสังคมไทย
- ในสัมยรัฐกาลที่ 4 กรณีอำแดงเหมือน
- พ.ศ.2431-2475
- หญิงไทยมีโอกาสได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารจากนิตยสาร
- พ.ศ.2516
- นักกิจกรรม
หญิง มีโอกาสได้เข้าร่วมในการเคลื่อนไหวทางการเมือง
- พ.ศ.2516-2517
- มีการจัดตั้งองค์กรสตรี
"สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี" เพิื่อแก้ไขกฎหมายผ่าน
สื่อสารมวลชน
- การดำเนินการในเรื่องนี้มักถูกพ่วงประเด็นทางการเมืองไปด้วยเสมอ
- เช่น
ภาพการเคล่ื่อนไหวของสตรีถูกถ่ายทอดอย่างไม่เหมาะสมผ่านช่องทางสื่อสารมวลชน
- พ.ศ.2518
- มีการประกาศวันสตรีสากล
ที่มีการรับรู้ไปทั่วโลก
- พ.ศ.2519-2528
- กลุ่มองค์กรสตรี
เริ่มแยกตัวออกจากองค์ฺทางสังคมอื่นๆเพื่อจับประเด็นสตรีโดยเฉพาะ
- เช่น
ปัญหาโสเภณี / การข่มขืน ความรุนแรง การทำแท้ง ฯลฯ
- แผนพัฒนาเศรษฐกิจ พ.ศ.2535-2554
- เร่ิมมีการกำหนดแผนที่เน้นไปในด้านที่เกี่ยวข้องกับ
สตรี โดยเฉพาะ
- สื่อสารมวลชน
เป็นกลไกสำคัญในการเคลื่อนไหวนี้
- ปัจจุบัน
- เกิดกระบวนการเคลื่อนไหวด้านสตรี
และเพศสภาวะที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
- แนวคิดเกี่ยวกับ
สตรีนิยม เข้าไปเป็นส่วนผสมของการร่างรัฐธรรมนูญ ด้วย
- -ทฤษฎีสตรีนิยม
- -สตรีนิยมสายเสรีนิยม
- โวลล์สโตนคราฟ
- สังคมพัฒนาไปมาก แต่บทบาทของ
หญิง ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย
- ผู้สนใจเรื่องความเท่าเทียมในสิทธิทางเพศ
- สังคมจะดีจะต้องประกอบด้วย
- 1.ความเสมอภาค(Equality)
- 2.เสรีภาพ(Freedom)
- 3.ภราดรภาพ(Fraternity)
- ไม่เห็นด้วยกับ
รุสโซ ที่ว่าผู้หญิงไม่มีเหตุผล
- เข้าโต้แย้งว่า
ที่จริงแล้วผู้หญิงขาดโอกาสที่จะโต้แย้งมากกว่า / และ เป็นธรรมชาติ
ของผู้หญิง
- เสนอให้เห็นถึงมิติของการกดขี่
- 1.การกดขี่ทางวัฒนธรรม
- การห่อเท่้าของชาวจีน
/ การคลุมถุงชน
- 2.การกดขี่ทางสังคม
- การกดขี่ผ่านสถาบัน
/โรงเรียน/ครอบครัว
- 3.การกดขี่ทางการเมือง
- กดขี่ทางกฎหมาย
- -สตรีนิยมสายมาร์ซิสต์ (Marxist Feminism)
- แนวนี้มีลักษณะของการวิพากษ์(critical)
- Friedrich Engels
- วิเคราะห์เรื่อง "ชนชั้น"
- กรรมสิทธ์ส่วนบุคคล
เป็นสาเหตุของการเกิดชนชั้น และการเอารัดเอาเปรียบ
- ทุนนิยมไม่เพียงแต่การกดขี่แรงงาน ////
กรณี วันหยุด มีประเด็นของการขูดรีด ระหว่างเพศ แทรกอยู่ด้วย
- Juliet Mitchell (1940)
- เรื่องของการแบ่งงานกันทำ
นำมาสู่การขูดรีด
- เช่น
ผู้ชายทำหน้าที่ บริหาร / ควบคุม /กำหนดแนวทาง
- ผู้หญิง
เป็นเลขา พนักงานต้อนรับ
- กรัมชี่
- สนใจปัญหาเชิงอุดมการณ์และจิตสำนึก
ที่ถูกสร้างผ่าน "ภาษา"
- เช่น
หญิงสวยต้องผอม / ชายหล่อต้องมี ซิกแพค เป้นต้น
- สอดรับกับเรื่องเกี่ยวกับ
"เพศภาวะ" (Gender)
- -สตรีนิยมสายถอนรากถอนโคน (Radical Feminism)
- เวอร์จิเนีย วูลฟ์
- ไม่เชื่อว่า
"ทุนนิยมจะกดขี่ผู้หญิงไว้"
- แต่ผู้หญิงถูกกดขี่มาก่อน
ไม่ว่าจะเป็นก่อนทุนฯ หรือ หลังทุนฯ ผู้หญิงถูกกดขี่ผ่านระบบสังคม
"ปิตาธิปไตย" หรืิอ ชายเป็นใหญ่ (Patriarchy)
- ในประวัติศาสตร์ หญิงถูกเอาเปรียบเสมอ
- การเอาเปรียบหญิง ถูกฝังรากลึกในระดับ
จิตใต้สำนึก
- เช่น
การกระทำผ่านความเป็นแม่ ทางชีวะภาพ(Biological Motherhood)
- การมีครอบครัวต้องมีการสมรส
การบอกผี เป็นต้น
- ผู้หญิงที่ดี
คือ ผู้หญิงบริสุทธิ์ /รักนวลสงวนตัว
- การขูดรีดในผู้หญิง
สามารถพัฒนาไปสู่การขูดรีดในแบบอื่นๆ เช่น
- ขูดรีดระหว่างชนชั้น
- ขูดรีดระหว่างชาติพันธ์
- ขูดรีดระหว่างสีผิว
- ขูดรีดระหว่างอายุ
ฯลฯ
- ข้อเสนอคิือ
"ล้มล้างลัทธิชายเป็นใหญ่ลง"
- เช่น
การปฏิเสธระเบียบสัญลักษณ์แบเพศชาย(Male
Symbplic Order) ที่นำเอาแบบของผู้ชาย
มาเป็นมาตรฐานวัดความมีคุณค่า
- เช่น
ผู้ประกาศหญิง ต้องแสดงความเคร่งขรึม เหมือนผู้ประกาศชาย
- -สตรีนิยมสายหลังโครงสร้างนิยม (Post-structuralist Feminism)
- จูดิธ บัทเลอร์ (Social action)
- ความหมายต่างๆ
ถูกประกอบสร้างผ่านโครงสร้างทางภาษา
- ความหมายของผู้หญิง ผู้ชาย
ถูกสร้างผ่านภาษา
- สังคมรับรู้ และนำไปสู่การปฏิบัติ
สืบทอดกันต่อๆไป
- การต่อสู้ของผู้หญิง คือ ยอมรับ
และต่อต้าน
- ยอมรับ
- ทำงานในอาชีพที่สังคมกำหนด
- ต่อต้าน
- ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่
สังคมคาดหวังว่าเป็นงานของผู้ชาย
- -สตรีนิยมสายหลังสมัยใหม่(Postmodern Feminism)
- ได้รับอิทธิพลมาจาก ทฤษฎีสังคมศาสตร์
สายปรากฎการณฺ์วิทยา(Phenomenology)
- ที่เชิื่อว่า
ความจริงรอบตัวเรามิได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
แต่เป็นการประกอบสร้างของสังคม
- จึงมีคำถามว่า
ใครเป็นผู้มีอำนาจในการประกอบสร้าง
- การประกอบสร้างนี้มีไว้เพื่ออะไร
- เอกสารประกอบการบรรยาย Ppt
- ความหลากหลายทางเพศ
ความสัมพันธ์ทางเพศสภาพกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจในอาเซียน การเปลี่ยนไปสู่สังคมอุตสาหกรรม ปัญหาเรื่องเพศกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจสังคม วัฒนธรรม การใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิง การท่องเที่ยวกับการค้าผู้หญิงและเด็ก การเมืองกับกฎหมายกับการมีส่วนร่วมของผู้หญิง ปัญหาสุขภาวะของผู้หญิงและเด็ก การต่อสู้เพื่อสิทธิสตรี
2 แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับเพศสภาพ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
🍎กติกาการเรียน🍎
🍎กติกาการเรียน🍎 🤩1.เข้าเรียนไม่ช้ากว่า คาบเช้า 9.00 คาบบ่าย 12.30 น. 🤩2.เรียน 14 ครั้ง (ไม่นับสัปดาห์สอบ) ขาดเรียนไ...
-
🍎กติกาการเรียน🍎 🤩1.เข้าเรียนไม่ช้ากว่า คาบเช้า 9.00 คาบบ่าย 12.30 น. 🤩2.เรียน 14 ครั้ง (ไม่นับสัปดาห์สอบ) ขาดเรียนไ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น